นานาสาระ  >> Life Style

“ท่านั่ง” พิชิตอาการปวดเมื่อย

21 มีนาคม 2560

|

เปิดอ่าน 2345












รู้ไหมว่า อาการปวดหลังเพราะนั่งนาน มีสาเหตุสำคัญมาจาก การนั่งที่ “ผิดท่า” อาทิ

การนั่งเอนพิงพนักโดยเว้นที่ว่างระหว่างสะโพกกับพนักพิง ส่งผลให้กระดูกสันหลังช่วงล่างงอเป็นทรงโค้ง   การนั่งหลังค่อม นั่งห่อไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา  กรณีมีการใช้งานอุปกรณ์ประเภทจอภาพประเภทต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือ แสงจากหน้าจออาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ การจับเมาส์ด้วยท่าทางที่ผิดธรรมชาติเป็นระยะเวลาต่อเนื่องนานๆ หรือการเล่นมือถือในท่าเดิมซ้ำๆ อาจส่งผลร้ายแรงไปถึงขั้น อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท หรือเส้นเอ็นอักเสบ เกิดพังผืดยึด นิ้วล็อก หรือข้อมือล็อกได้

สำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบนั่งท่าเดิมๆ ติดกันวันละหลายๆ ชั่วโมง สามารถปกป้องสุขภาพของตนเอง ด้วยท่านั่งที่ถูกต้องได้ ดังนี้

1. นั่งหลังตรง นั่งให้เต็มก้นคือหลังตรงชิดขอบด้านในของเก้าอี้ การนั่งพิงพนัก ช่วยเรื่องการจัดระเบียบหลัง ทำให้หลังตรงโดยอัตโนมัติตามแนวของพนักพิง แต่ถ้าไม่ได้นั่งพิงพนัก ต้องพยายามฝึกนั่งหลังตรงตลอดเวลา

2. ยืดไหล่ ตั้งคอตรง

3. หากที่นั่งของเก้าอี้ลึกเกิน อาจจะหาหมอนหนุน เพื่อช่วยให้หลังตรงได้

4. ควรเลือกขนาดของโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสมพอดีกับสรีระ สะโพกและขาต้องตั้งฉากกัน

5. หากเก้าอี้สูงเกินไปและปรับระดับไม่ได้ ควรหาม้านั่งตัวเล็กไว้ใต้โต๊ะเพื่อวางเท้า

6. ปรับระดับจอภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ให้อยู่ในระดับสายตา

7. จอภาพ ควรห่างจากตา 12-18 นิ้ว

8. แป้นคีย์บอร์ดควรอยู่ในระดับข้อศอกและข้อมือ

9. ใช้เมาส์โดยพักข้อศอกบนที่รองแขน และสามารถเคลื่อนไหวได้แบบไม่จำกัดพื้นที่

และนอกจากนี้ ควรกะพริบตาบ่อยๆ ขณะใช้คอมพิวเตอร์หรือมองหน้าจอมือถือ เปลี่ยนอิริยาบถ ลุกเดิน และละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์และมือถือทุก 45 นาที รวมถึงออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงแค่นี้ท่านก็จะห่างไกลจากอาการบาดเจ็บจากการนั่งผิดท่านานๆ แล้ว

หมายเหตุ: ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่านก่อนทำท่าออกกำลังกายดังที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อให้แน่ใจว่าท่าทางการ ออกกำลังจะไม่เป็นอันตรายต่อภาวะสุขภาพที่ท่านเป็นอยู่ และควรใช้ความระมัดระวังในการทำท่าออกกำลังกาย โดยให้ทำท่าต่างๆ อย่างช้าๆ และไม่ทำท่าเหยียดยืดที่รุนแรงหรือมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกได้

ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/Content/35573

Share |